ต้นขี้แหล็ก |
ขี้เหล็ก เดิมเป็นไม้ในบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นับจากหมู่เกาะต่างๆ ของประเทศอินโดนีเซียไปจนกระทั่งถึงประเทศศรีลังกา ต่อมามีผู้นำเอาไม้ขี้เหล็กไปปลูกในบริเวณต่างๆ สำหรับในประเทศไทยเราจะพบไม้ขี้เหล็กในแทบทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคใต้ ชาวบ้านนิยมปลูกไม้ขี้เหล็กเป็นไม้ให้ร่มและเป็นไม้ประดับ ขึ้นได้ในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
- ดอก รักษาโรคเส้นประสาท นอนไม่หลับ ทำให้หลับสบาย รักษาโรคหืด รักษาโรคโลหิตพิการ ผายธาตุ รักษารังแค ขับพยาธิ
- ราก รักษาไข้ รักษาโรคเหน็บชา ทาแก้เส้นอัมพฤกษ์ให้หย่อน แก้ฟกช้ำ แก้ไข้บำรุงธาตุ ไข้ผิดสำแดง
- ลำต้นและกิ่ง เป็นยาระบาย รักษาโรคผิวหนัง แก้โรคกระษัย แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ ขับระดูขาว
- ทั้งต้น แก้กระษัย ดับพิษไข้ แก้พิษเสมหะ รักษาโรคหนองใน รักษาอาการตัวเหลือง เป็นยาระบาย บำรุงน้ำดี ทำให้เส้นเอ็นหย่อน
- เปลือกต้น รักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคหิด แก้กระษัยใช้เป็นยาระบาย
- กระพี้ รสขมเฝื่อน แก้ร้อนกระสับกระส่าย บำรุงโลหิต คุมกำเนิด
- ใบ รักษาโรคบิด รักษาโรคเบาหวาน แก้ร้อนใน รักษาฝีมะม่วง รักษาโรคเหน็บชา ลดความดันโลหิตสูง ขับพยาธิ เป็นยาระบาย รักษาอาการ นอนไม่หลับ
- ฝัก แก้พิษไข้เพื่อน้ำดี พิษไข้เพื่อเสมหะ แก้ลมขึ้นเบื้องสูง เบื้องบน โลหิตขึ้นเบื้องบน ทำให้ระส่ำระสายในท้อง
- เปลือกฝัก แก้เส้นเอ็นพิการ
- ใบแก่ ใช้ทำปุ๋ยหมัก ใบขี้เหล็กมีสารอะไรในการกำจัดปลวก สารเคมีในใบขี้เหล็ก พบว่ามีสารกลุ่มโครโมน (Chromone) ซึ่งมีฤทธิ์คลายเครียดและช่วยให้นอนหลับ เช่น แอนไฮโดรบาราคอล (anhydrobarakol) และกลุ่ม anthraquinones ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้ถ่ายหรือระบายท้อง เช่น แอนโทรน และไดแอนโทรน (anthrone and dianthrone) เป็นต้น
ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ขี้เหล็กมีทั้งประโยชน์และโทษ การบริโภคขี้เหล็กโดยนำมาต้ม และทิ้งน้ำก่อนนำมาแกง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดปริมาณความเข้มข้นของสารพิษในขี้เหล็ก ทำให้ปลอดภัยในการนำมารับประทาน แต่เมื่อนำใบขี้เหล็กมาทำเป็นยาเม็ดโดยไม่ต้มน้ำทิ้ง จะส่งผลให้ปริมาณสารพิษยังคงมีปริมาณสูง ดังนั้นก่อนการรับประทานขี้เหล็กควรศึกษากรรมวิธีเตรียม และไม่ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ใบขี้เหล็กมีสารอะไรในการกำจัดปลวก
สารเคมีในใบขี้เหล็ก พบว่ามีสารกลุ่มโครโมน (Chromone) ซึ่งมีฤทธิ์คลายเครียดและช่วยให้นอนหลับ เช่น แอนไฮโดรบาราคอล (anhydrobarakol) และกลุ่ม anthraquinones ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้ถ่ายหรือระบายท้อง เช่น แอนโทรน และไดแอนโทรน (anthrone and dianthrone) เป็นต้น ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ขี้เหล็กมีทั้งประโยชน์และโทษ การบริโภคขี้เหล็กโดยนำมาต้ม และทิ้งน้ำก่อนนำมาแกง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดปริมาณความเข้มข้นของสารพิษในขี้เหล็ก ทำให้ปลอดภัยในการนำมารับประทาน แต่เมื่อนำใบขี้เหล็กมาทำเป็นยาเม็ดโดยไม่ต้มน้ำทิ้ง จะส่งผลให้ปริมาณสารพิษยังคงมีปริมาณสูง ดังนั้นก่อนการรับประทานขี้เหล็กควรศึกษากรรมวิธีเตรียม และไม่ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
สารเคมีในใบขี้เหล็ก พบว่ามีสารกลุ่มโครโมน (Chromone) ซึ่งมีฤทธิ์คลายเครียดและช่วยให้นอนหลับ เช่น แอนไฮโดรบาราคอล (anhydrobarakol) และกลุ่ม anthraquinones ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้ถ่ายหรือระบายท้อง เช่น แอนโทรน และไดแอนโทรน (anthrone and dianthrone) เป็นต้น ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ขี้เหล็กมีทั้งประโยชน์และโทษ การบริโภคขี้เหล็กโดยนำมาต้ม และทิ้งน้ำก่อนนำมาแกง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดปริมาณความเข้มข้นของสารพิษในขี้เหล็ก ทำให้ปลอดภัยในการนำมารับประทาน แต่เมื่อนำใบขี้เหล็กมาทำเป็นยาเม็ดโดยไม่ต้มน้ำทิ้ง จะส่งผลให้ปริมาณสารพิษยังคงมีปริมาณสูง ดังนั้นก่อนการรับประทานขี้เหล็กควรศึกษากรรมวิธีเตรียม และไม่ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
No comments:
Post a Comment